โดยลามอนท์ เวิร์น ฟาวเลอร์, บาวน์ติฟุล ยูทาห์ (พิมพ์เผยแพร่ในข่าวศาสนจักรแอลดีเอส)
เมื่ออายุประมาณเจ็ดขวบผมเรียนรู้การรีดนมวัวเพื่อช่วยพ่อทำงานต่างๆ ในฟาร์ม เรามีแม่วัวประมาณ 14 ตัวซึ่งต้องรีดนมด้วยมือทุกคืนและทุกเช้าที่คอกของแต่ละตัวซึ่งอยู่เรียงติดกันไปเป็นแถว บนพื้น หลังแม่วัวมี “รางรองปุ๋ย” กว้างประมาณ 2 ฟุต ลึกประมาณ 6 นิ้ว วางตลอดความยาวของโรงวัวและมีด้านหนึ่งทะลุผนังออกไปด้านนอกเพื่อระบายปุ๋ย
คืนหนึ่งขณะรีดนมวัว ผมนั่งประคองตัวอยู่บนเก้าอี้ขาเดียว เข่าหนีบถังนม คู้หลังอิงอยู่กับด้านข้างของนางคาร์เนชั่นแม่วัวตัวใหญ่สุดในฝูง ความสงบเงียบแตกกระจายเมื่อคาร์เนชั่นขยับเปลี่ยนท่ายืน ทำให้ผมเสียสมดุลตกจากเก้าอี้ขาเดียว ส่งทั้งผม ถังนม น้ำนมและเก้าอี้ไปสู่จุดเสี่ยงอันตรายใต้ท้องแม่วัวตัวใหญ่ คาร์เนชั่นใช้กีบเท้าขนาดใหญ่ข้างหนึ่ง เตะผมตกลงไปในรางปุ๋ยที่เต็มไปด้วยสิ่งเฉอะแฉะสีเขียว กีบอีกข้างก้าวมาเหยียบมือที่ยื่นออกไปของผม ผมอยู่ตรงนั้น นอนหงายแช่อยู่ในสิ่งโสโครกครึ่งตัวพร้อมกับเก้าอี้และถังนม โดยมีคาร์เนชั่นเหยียบอยู่บนมือที่ยื่นออกไป
ด้วยเสียงกรีดร้องจากความกลัวและความเจ็บปวดที่ก้องสะท้านออกมาจากกล่องเสียงเล็กๆ ของผม ผมดิ้นเพื่อให้พ้นอันตราย แต่กีบเท้าของคาร์เนชั่นตรึงมือผมไว้ ทำให้ขยับตัวไม่ได้เลย เสียงสะอื้นดังๆ เขย่าร่างผมที่ถูกกักขังไว้
ท่านพูดปลอบโยนพลางอุ้มผมออกจากโรงวัวข้ามคอกปศุสัตว์ไปที่รางน้ำ ค่อยๆ วางผมลงในน้ำที่เย็นสดชื่น แล้วล้างสิ่งเปรอะเปื้อนออกจนหมดอย่างนุ่มนวล ทำให้ผมคลายความเจ็บปวดและหายกลัวและค่อยๆ หยุดร้องไห้
นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมากสำหรับเด็กชายตัวน้อยอายุ 7 ขวบ แต่ผมคิดถึงเหตุการณ์นั้นในอีกมุมมองหนึ่งพวกเราหลายคนติดอยู่ในปลักบ่อน้ำโสโครกแห่งชีวิตและต้องการความช่วยเหลือ หากเรายอมพระองค์ พระคริสต์คือพระผู้สามารถอุ้มเราขึ้นจากปลักแห่งความมืดมนและสิ้นหวัง ทรงชำระเราให้สะอาดอย่างนุ่มนวล ทรงปลอบโยนเรา คลายความกลัว ทำให้เราหยุดร้องไห้ หายเจ็บปวดและประทานสันติสุขของพระองค์แก่เรา