ข่าวเผยแพร่

ชั้นเรียนภาษาอังกฤษนำพรมาให้ชีวิต

นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้สอนศาสนาเต็มเวลาเปิดสอนภาษาอังกฤษทั่วโลก เรื่องเล่าสามเรื่องต่อไปนี้บอกถึงประโยชน์และพรอันแสดงให้เห็นว่าชั้นเรียนภาษาอังกฤษสามารถเปลี่ยนและยกระดับชีวิตของนักเรียนได้อย่างไร
     

วงศกร จรัสอรุณฉาย ซึ่งรู้จักกันดีในนาม เสือ กำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสามเมื่อเพื่อนที่เป็นสมาชิกศาสนจักรถามเขาว่าสนใจเรียนภาษาอังกฤษฟรีหรือไม่  อะไรก็ตามที่ “ฟรี” ย่อมน่าสนใจสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัย ยิ่งเป็นการเรียนภาษาอังกฤษฟรีด้วยแล้วยิ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ เสืออายุประมาณ  20 ปี เขาใฝ่ใจศึกษาหาความรู้ วันแรกที่เขาไปเรียนภาษาอังกฤษ ขณะนั่งรอให้ถึงเวลาเรียน มีผู้สอนศาสนาสองคนเข้ามาแนะนำตัว  หลังเลิกเรียน พวกเขาเชิญให้เสือนั่งด้วยกันและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนจักรให้เขาฟัง เพื่อนของเสือก็มานั่งฟังเอ็ลเดอร์ด้วย

เสืออธิบายว่า “โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าเพื่อนผมคนนี้เป็นแบบอย่างที่ดีและเธอมีความสุขจากการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ หลังจากนั้น ผมยังรู้สึกประทับใจกับมิตรภาพของสมาชิกทุกคนอีกด้วย”

เสือเรียนภาษาอังกฤษต่อไปขณะศึกษาพระกิตติคุณกับผู้สอนศาสนาไปพร้อมๆ กัน เขารับบัพติศมาเป็นสมาชิกศาสนจักรเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 2004  เขารับใช้งานเผยแผ่ในประเทศไทยและต่อมาผนึกกับแอนน์ ภรรยาแสนสวยของเขา ในพระวิหารโซล ประเทศเกาหลี

  เสือสำเร็จการศึกษาวิชาเอกการท่องเที่ยว การบินและการจัดการโรงแรม ซึ่งความรู้ภาษาอังกฤษมีส่วนสำคัญยิ่ง ปัจจุบันเขาเป็นครูซีอีเอสและพบว่าความรู้ภาษาอังกฤษทำให้เขาสามารถสื่อสารได้ดีกว่าและเปิดประตูสู่โอกาสต่างๆ มากมาย ปัจจุบันเขายังรับใช้ในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่ประเทศไทย กรุงเทพด้วย

ทั้งหมดนี้เริ่มจากชั้นเรียนภาษาอังกฤษและกลายเป็นประสบการณ์เปลี่ยนชีวิต

   

“เรียนภาษาอังกฤษฟรี! จริงหรือ ครั้งแรกผมไม่เชื่อ  ผมต้องการพูดภาษาอังกฤษมาตลอด แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร! นั่นคือปฏิกิริยาครั้งแรกของผมเมื่อได้ยินเรื่องเรียนภาษาอังกฤษฟรีที่โบสถ์” ธนาทร พ่อศรีชา หรือ อุ้ย กล่าว  เขาสังเกตเห็นชาวต่างประเทศสองคนขี่จักรยานไปทั่วเมือง แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาคือผู้สอนศาสนา  เมื่อเพื่อนสมาชิกถามว่าสนใจเรียนภาษาอังกฤษหรือไม่ เขารีบตอบรับทันที

  “การพยายามพูดภาษาอังกฤษครั้งแรกของผมเหมือนโลกจะแตก ผมอายมาก ทักษะภาษาอังกฤษของผมอยู่ที่ศูนย์ ผมท้อและรู้สึกกดดัน” สัปดาห์หลังๆ อุ้ยมีทักษะเพิ่มขึ้นและเริ่มชอบภาษาอังกฤษ ระหว่างนั้นอุ้ยตอบรับโอกาสเรียนรู้พระกิตติคุณเช่นกัน เขาพบว่าพระเจ้าไม่เพียงช่วยเหลือเขาในด้านภาษาเท่านั้นแต่ในด้านอื่นๆ ของชีวิตด้วย  เขาได้รับคำตอบมากมายสำหรับสิ่งที่เคยสงสัยมาตั้งแต่เด็ก อุ้ยพบว่าภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่เคยคิด เพราะเวลานี้พระเจ้าทรงช่วยให้เขาเรียนรู้

 ช่วงที่เขาเรียนภาษาอังกฤษจบ เขาเปลี่ยนใจเลื่อมใสและเข้าเป็นสมาชิกศาสนจักร  เขาสรุปโดยกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นการเลือก ผมเลือกชอบภาษาอังกฤษ เลือกเรียนพระกิตติคุณ เริ่มคบหากับเพื่อนร่วมชั้นเรียน และเลือกรักพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์คือต้นกำเนิดเพียงหนึ่งเดียวของพลังและรัศมีภาพอันเป็นนิจ”

 ต่อมาอุ้ยศึกษาต่อที่บีวายยู ฮาวาย สำเร็จการศึกษาระดับเกียรตินิยม เขารับใช้งานเผยแผ่ในคณะเผยแผ่ประเทศไทย กรุงเทพเช่นกัน ปัจจุบันอุ้ยรับใช้เป็นอธิการวอร์ดดอนเมืองในสเตคกรุงเทพเหนือซึ่งทำให้เขามีโอกาสสัมผัสชีวิตผู้คนมากมาย  ต่อมาเขาได้พบกับนันทวัน ภรรยาแสนสวยของเขา ทั้งสองผนึกกันในพระวิหาร

อุ้ยกล่าวว่า “ผมรู้ว่าการเรียนภาษาอังกฤษฟรีทำให้ผมมีทางเลือกมากมายซึ่งเปิดโอกาสหลากหลายสู่ความสำเร็จ  ผมได้รับประสบการณ์อื่นๆ นับไม่ถ้วนนอกเหนือจากเรื่องภาษาที่ชั้นเรียนภาษาอังกฤษฟรี”

 

ขณะนี้เธอรับใช้เป็นซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาในประเทศไทย แต่เมื่อสองปีก่อน แซน เหมียะ ทะเวย์ ไม่ได้เป็นแม้แต่สมาชิกศาสนจักร  เธอมาจากครอบครัวพุทธศาสนิกชนในประเทศพม่า และเมื่อยังเด็ก แซน เหมียะ มีคำถามมากมายที่หาคำตอบจากศาสนาพุทธไม่ได้ ขณะทำงานเป็นอาสาสมัคร เธอเห็นผู้สอนศาสนาอาวุโสบางคน (ชาวต่างประเทศ) สอนภาษาอังกฤษ เนื่องจากต้องการเรียนมาก เธอจึงฝืนความเขินอายเข้าไปเรียนาษาอังกฤษกับพวกเขา  หลายเดือนผ่านไปจนมีชายหนุ่มสองคนเริ่มมาสอน เธอจึงทราบว่าพวกเขาเป็นผู้สอนศาสนา

เธอกล่าวว่า “พวกเขาเป็นมิตรและคุยกับทุกคน  วันหนึ่งพวกเขาเชิญทุกคนไปเรียนภาษาอังกฤษที่โบสถ์ซึ่งห่างไป 8 ไมล์  ฉันรู้ว่าพ่อแม่คงไม่อยากให้ไปเรียน ดังนั้นเมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งเสนอว่าจะไปด้วย ฉันจึงตัดสินใจขอไปเรียน  มีคนแนะนำให้ฉันรู้จักกับผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวและฉันตกลงเรียนรู้เกี่ยวกับโบสถ์ของพวกเขาแม้จะบอกพวกเขาว่าฉันคงไม่เป็นสมาชิก”

  ต่อมาแซน เหมียะ เริ่มเข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์มอรมอนซึ่งสอนเป็นภาษาอังกฤษและพระคัมภีร์มอรมอนของเธอก็เป็นภาษาอังกฤษ เธอไม่ค่อยเข้าใจทั้งในชั้นเรียนและการอ่าน  ผู้สอนศาสนาสอนให้เธอสวดอ้อนวอนและขอให้สวดอ้อนวอนด้วยเจตนาแท้จริงก่อนอ่านพระคัมภีร์มอรมอน  เธอทำตามนั้นและขอให้สามารถเข้าใจสิ่งที่เธออ่าน

 แซน เหมียะกล่าวว่า “หลังจากนั้น ฉันอ่าน 1 นีไฟ บทที่ 1 และเข้าใจทุกสิ่งอย่างชัดเจน  ฉันมีความสุขมากและสำนึกคุณพระวิญญาณมาก  ขณะมาโบสถ์ฉันได้เห็นปาฏิหาริย์มากมาย”

เมื่อศรัทธาของเธอแรงกล้าขึ้น เธอได้รับประจักษ์พยานในพระคริสต์และยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ทั้งหมดนี้เป็นเวลา 4-5 เดือนก่อนที่แซน เหมียะจะรับบัพติศมาเป็นสมาชิกศาสนจักรเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ปี 2014  เธอเป็นสมาชิกศาสนจักรคนเดียวในครอบครัว แต่ประจักษ์พยานของเธอเข้มแข็งมากและเธอรู้ว่าศาสนจักรนี้จริง  เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการเรียนภาษาอังกฤษและขยายไปสู่บางสิ่งที่มากกว่านั้นมากมาย  เนื่องจากประจักษ์พยานและแบบอย่างของแซน เหมียะ อีกหลายคนในประเทศพม่าเข้าสู่ศาสนจักรและขณะนี้เธอรับใช้ในประเทศไทยในฐานะผู้รับใช้ผู้งดงามของพระเจ้า

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.