ในการประชุมเรื่องเสรีภาพทางศาสนาสำหรับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในเขตแดลลัสและฟอร์ตเวิร์ท เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์สนับสนุนให้สมาชิกมีส่วนร่วม “ในการต่อสู้ครั้งสำคัญเพื่อเสรีภาพทางศาสนาด้วยวิธีที่สร้างสรรค์” โดยเน้นย้ำถึงข่าวสารที่ท่านแบ่งปันก่อนหน้านี้ ท่านแนะนำให้ชาวมอรมอนในท้องที่นั้นแสวงหาการหยุดยิงในสงครามวัฒนธรรมและใช้วิธีที่ให้ “ความเป็นธรรมสำหรับทุกคน” ในการปกป้องเสรีภาพทางศาสนาเพราะโลกที่มีหลายฝักหลายฝ่ายนี้เรียกร้องให้เรา “ดำเนินชีวิตอย่างสงบ” กับทุกคน
เอ็ลเดอร์โอ๊คส์ สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองแห่งศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย พร้อมด้วยเอ็ลเดอร์แลนซ์ บี. วิกค์แมน ที่ปรึกษาสามัญของศาสนจักรและเอ็ลเดอร์วอน จี. คีทช์ แห่งโควรัมสาวกเจ็ดสิบ ข้อคิดเห็นของพวกท่านในการประชุมเรื่องเสรีภาพทางศาสนาระดับภาคครั้งนี้ (เป็นการประชุมครั้งแรกของหัวข้อนี้) สอดคล้องกับสิ่งซึ่งจัดทำไว้ในหน้าเสรีภาพทางศาสนาที่ LDS.org
ถึงแม้เรื่องเสรีภาพทางศาสนาจะเป็นหัวข้อที่ดูเหมาะสมมากกว่าสำหรับผู้มีปริญญาด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ แต่เอ็ลเดอร์โอ๊คส์กล่าวว่า “แท้จริงแล้ว ทุกคนตั้งแต่เด็กอนุบาลจนถึงผู้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์และมารดาบิดารวมทั้งมิตรสหายและเพื่อนบ้านสามารถเข้าใจและควรเข้าใจว่าเสรีภาพทางศาสนาคืออะไรและสำคัญอย่างไร
เช่นเดียวกับเอ็ลเดอร์โอ๊คส์ เอ็ลเดอร์วิกค์แมนกระตุ้นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายให้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการสนทนาเรื่องเสรีภาพทางศาสนาในปัจจุบัน ท่านกล่าวว่าเสรีภาพซึ่งสำคัญที่สุดที่ควรปกป้องไว้คือ “ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นเอกเทศและบริบทของผู้นำทางศาสนา หรือส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของพลเมืองทุกคน”
เอ็ลเดอร์วิกค์แมนสนับสนุนให้สมาชิกศาสนจักรเข้าร่วมสนทนาเรื่องเสรีภาพทางศาสนาเพราะ “วันเวลาอันยาวนานผ่านพ้นไป --- หากสิ่งเหล่านี้เคยมีอยู่จริง ---เมื่อเราสามารถนำชีวิตในแวดวงแคบๆ ของท้องถิ่นเรามาเป็น ‘วิสุทธิชน’ ซึ่งมุ่งเน้นเฉพาะครอบครัวเราและที่ประชุมของศาสนจักรในท้องที่เราเท่านั้น”
เอ็ลเดอร์โอ๊คส์กล่าวว่า การร่วมสนทนากับเพื่อนบ้านเป็นงานหนักที่ต้องการทั้งขันติธรรมและความเข้าใจอันมั่นคงเรื่องสัจธรรม ท่านเตือนวิสุทธิชนยุคสุดท้ายว่า “ความเคารพหรือขันติธรรมที่มีต่อความคิดเห็นหรือพฤติกรรมของผู้อื่นเป็นเพียงด้านหนึ่งของเหรียญที่มีสองด้าน มีอีกด้านหนึ่งคือสิ่งที่เป็นสัจธรรมเสมอ เราต้องไม่ใช้เหรียญแห่งขันติธรรมโดยไม่คำนึงถึงทั้งสองด้าน”
เอ็ลเดอร์คีทช์ให้ข้อคิดเกี่ยวกับแนวเทียบนี้โดยขอให้สมาชิกพิจารณาว่า “ทำอย่างไรท่านจะสามารถสอนและปกป้องหลักคำสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ได้อย่างหนักแน่นที่สุด พร้อมกับแสดงความรัก ความเมตตาและความเข้าใจต่อบุคคลที่อาจไม่ยอมรับหลักคำสอนนั้น”
“เมื่อไปในที่ต่างๆ จงมีเมตตาและอดทน แสวงหาความเข้มแข็งจากพระคัมภีร์และพันธสัญญาที่ท่านจะเป็นเหมือนพระผู้ช่วยให้รอด” เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สัน เตือนเราดังนี้ “พึงระลึกว่า คนทั่วไปมองว่าท่านเป็นตัวแทนศาสนจักรของพระองค์ ดังนั้น ท่านต้องทำสุดความสามารถ ที่จะกระทำดังที่พระองค์จะทรงกระทำ อย่าลืมว่าทุกคนคือบุตรธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ ส่วนใหญ่มีเหตุผลและเป็นคนดีที่กำลังแสวงหาสัจธรรมและความสุข”