มัสยิดอิสติกกัลในจาการ์ตา อินโดนีเซียเป็นมัสยิดใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นบ้านของชาวมุสลิมหลายแสนคน นอกจากนี้ยังเป็นทีซึ่งเอ็ลเดอร์ดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ อัครสาวกของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเข้าพบ ดร. นาซารูดดิน อุมาร์ อิหม่ามใหญ่ของมัสยิด และ ดร. อัลวี ชีฮับ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีอินโดนีเซียประจำองค์กรความร่วมมืออิสลามและตะวันออกกลาง การเข้าพบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เจ็ดวันของเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ
สร้างสะพานผ่านความเข้าใจ
ผู้นำเหล่านี้กำลังหาทางสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างมุสลิมกับสมาชิกของศาสนจักร
เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีความรู้สึกพิเศษต่ออินโดนีเซีย ที่นั่นมีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก และพวกเขาต้อนรับเรา เราเคารพศาสนาของพวกเขา ประเพณีและวิถีชีวิตของพวกเขา”
ดร. ชีฮับมีความสัมพันธ์กับศาสนจักรมานานกว่า 25 ปีและกำลังดำเนินโปรแกรมการศึกษาเพื่อชี้นำความคิดนักเรียนให้เคารพทุกศาสนา
เขากล่าวว่า “เราทุกคนมาจากแหล่งเดียวกัน จากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ — ชาวคริสต์ ชาวยิว และชาวมุสลิม และตามคัมภีร์อัลกุรอ่านเราต้องหาความคล้ายคลึงกันระหว่างเราเพื่อเราจะร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ และอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง”
- DSC03175.JPG
- DSC03173-copy.jpg
- DSC03026.jpg
- DSC02897-copy.jpg
- DSC_0777-copy.jpg
- DSC_0755-copy.jpg
- DSC_0740-copy.jpg
- 174_WWW2068.jpg
- 128_DDD2602.jpg
- 89_DDD1984.jpg
- 19_DDD3919.jpg
- 12_WWW2235.jpg
- _WWW2374-copy.jpg
- _WWW1959.JPG
- _DDD3546-copy.jpg
- _WWW1819.JPG
- _WWW1528-copy.jpg
- _WWW1170.JPG
- _WWW1164.JPG
1 / 2 |
เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟเดินทางต่อไปประเทศไทย ที่นั่นท่านแวะชมวัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของการเข้าใจ การเคารพประวัติศาสนาและความเชื่อของผู้อื่น
สร้างสะพานผ่านการรับใช้
ระหว่างไปเยือนสำนักพระภคินีชุมพาบาลในกรุงเทพ เอ็ลเดอร์อุคดอร์ฟและซิสเตอร์ลูอิสสนิทสนมกันเร็วมาก ซิสเตอร์ลูอิสในวัย 88 ปีได้ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อจัดหาที่พักพิงและการศึกษาให้แก่สตรีที่มีความเสี่ยง
เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟมอบเงินบริจาคเพื่อมนุษยธรรมจากศาสนจักรให้เธอสร้างครัวการสอน ซึ่งจะฝึกอาชีพให้สตรีที่อยู่ในความดูแลของเธอ ทักษะการทำอาหารเหล่านี้สามารถสร้างความแตกต่างระหว่างความยากจนกับความเจริญรุ่งเรืองได้
ซิสเตอร์ลูอิสกล่าวว่า “สำคัญมากๆ ที่ทุกศาสนาจะสนับสนุนกัน ดิฉันดีใจเหลือเกินที่การสนับสนุนกันกำลังเกิดขึ้นวันนี้ นี่เป็นวิธีรวมตัวกัน เราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะคนทั้งหมดนี้สนใจมนุษย์คนอื่นๆ อยากทำให้ผู้อื่นดีขึ้น และยกพวกเขาขึ้น เราทุกคนเป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า”
สร้างความเป็นผู้นำและประจักษ์พยาน
ขณะอยู่ในประเทศไทย เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟประชุมกับผู้นำฐานะปุโรหิตจาก 12 เขตแดนทั่วทั้งภาคแบบเจอตัวและผ่านซูม
มีสมาชิกศาสนจักรกว่า 23,000 คนในประเทศไทย หรือที่เรียกว่า “สยามเมืองยิ้ม” สมาชิกในที่ประชุมหลายแห่งในกรุงเทพมารวมตัวกันฟังเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟด้วยตนเองหรือผ่านการถ่ายทอด คนหนุ่มสาวมาร่วมประชุมการประชุมให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งพิเศษสำหรับเยาวชนด้วย
เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟกระตุ้นผู้เข้าฟังการให้ข้อคิดทางวิญญาณให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำได้ในสภาวการณ์ปัจจุบันและไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่พวกเขาทำไม่ได้ ท่านกล่าวว่า “ท่านคือข่าวสาร ท่านคือประจักษ์พยาน ท่านคือความเข้มแข็ง และการเลือกของท่านจะทำให้เกิดความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”
เจมส์ เชาวน์วรตระกูลกล่าวว่าคำพูดของเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟช่วยให้เขาตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้
“พวกเราบางคนไม่แน่ใจว่าควรรับใช้งานเผยแผ่หรือเปล่า” เชาว์วรตระกูลกล่าว “แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมอยากรับใช้งานเผยแผ่และแบ่งปันทุกอย่างที่ผมได้เรียนรู้จากเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ”
สร้างมรดกที่การประชุมใหญ่เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน
ประเทศไทยจัดการประชุมใหญ่เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชนเป็นครั้งแรก เยาวชนที่กระตือรือร้น 300 กว่าคนจากทั่วประเทศมาเข้าร่วม เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟไปเยือนโดยไม่ให้เยาวชนรู้ตัวและแจกจ่ายคู่มือแนะแนว “เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน” เล่มใหม่ ท่านบอกเยาวชนว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงช่วยให้พวกเขาเลือกได้ถูกต้อง
“ท่านคืออนาคตของประเทศไทย ท่านคืออนาคตของความดีงามในประเทศไทย” เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟกล่าว “จงรับผิดชอบในการสร้างมรดกแห่งความดีงามและความซื่อสัตย์ของท่านเองโดยวางใจพระเจ้า”
ประภาวรินทร์ ธนเดชวรานนท์ผู้เข้าร่วมการประชุมใหญ่กล่าวว่า “ปกติฉันรู้สึกเหมือนเป็นแค่คนธรรมดาในโลกนี้ แต่หลังจากฟังเอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟ ฉันรู้สึกสำคัญมากขึ้น”
ตลอดการพบปะพูดคุยกับสมาชิกและเยาวชน เอ็ลเดอร์อุคท์ดอร์ฟเน้นย้ำความสำคัญของการเตรียมเปิดพระวิหารกรุงเทพ ประเทศไทยปีหน้า พระวิหารแห่งแรกในประเทศไทย
อัครสาวกกล่าวว่า “เรามาที่นี่เพื่อหนุนใจสมาชิก แต่พวกเขากลับหนุนใจเราเพราะความดีงามและความอ่อนโยนของพวกเขา การอุทิศตนของพวกเขาต่อพระเจ้าจะเป็นรากฐานอันมั่นคงสำหรับอนาคต พวกเขากำลังสร้างมรดกสำหรับอนาคต”