ballard-bio-image.JPG
ข่าวเผยแพร่

ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดถึงแก่กรรม สิริอายุ 95 ปี

ศาสดาพยากรณ์ยกย่องท่านว่าเป็นบุรุษแห่งการเปลี่ยนใจเลื่อมใส ความมุ่งมั่นและการอุทิศถวาย

เราขอประกาศด้วยความอาลัยว่าประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด รักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้ถึงแก่กรรม หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลระยะสั้นเมื่อไม่นานมานี้ ท่านกลับไปบ้านที่ท่านปฏิบัติหน้าที่เท่าที่ท่านสามารถทำได้ก่อนถึงแก่กรรม ณ เวลาประมาณ 23:15 น. ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 รายรายล้อมไปด้วยคนที่ท่านรัก ท่านสิริอายุ 95 ปี

ประธานบัลลาร์ดเป็นอัครสาวกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1985 ศาสนจักรประกาศว่าท่านรักษาการประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองเมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2018 เช่นเดียวกับอัครสาวกในสมัยพันธสัญญาใหม่ อัครสาวกในปัจจุบันได้รับเรียกเป็นพยานพิเศษของพระเยซูคริสต์ ประธานบัลลาร์ดเป็นหนึ่งในบรรดาบุรุษ 15 ท่านที่ช่วยดูแลการเติบโตและการพัฒนาของศาสนจักรทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 17 ล้านคน

“ประธานบัลลาร์ดไม่เคยลังเลใจ” ประธานศาสนจักรรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันกล่าว “ท่านรู้อย่างแน่นอนว่าพระเจ้าทรงสอนอะไรและจะนำไปใช้ในชีวิตส่วนตัวของคนคนหนึ่งและนำมาซึ่งปีติและความสุขได้อย่างไร”

Remembering the Life of President M. Russell Ballard video is available to view in the following languages; Cantonese, English, French, Italian, German, Japanese, Korean, Mandarin, Portuguese, Russian and Spanish.

Downloadable video for journalists: Tribute video (transcript) | B-roll | SOTs (transcript)

“เราทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด ผมชอบกิริยาท่าทางอันอบอุ่นของท่านเสมอ” ประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งฝ่ายประธานสูงสุด ผู้ที่นั่งอยู่เคียงข้างประธานบัลลาร์ดในโควรัมอัครสาวกสิบสองมากกว่าสามทศวรรษกล่าว “ท่านคือคนที่วางใจได้ และท่านเป็นคนที่วางใจคุณ”

ประธานบัลลาร์ดมีบุตรเจ็ดคน หลาน 43 คน เหลน 105 คนและลื่อหนึ่งคน

พิธีศพ จะจัดในแทเบอร์นาเคิลที่เทมเปิลสแควร์ ในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 ตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 12:00 น. MST. จะมีการสตรีมสดบนหน้าเว็บไซต์ของศาสนจักรที่ หน้าถ่ายทอด และ Inspiration and Events YouTube channel (ทั้งสองช่องทางจะมีในภาษา กวางตุ้ง, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, จีนกลาง, โปรตุเกส, รัสเซ๊ย และสเปน), เช่นเดียวกับที่ BYUtv

เรียนรู้จรรยาบรรณในการทำงานแต่เยาว์วัยในชีวิต

เมลวิน รัสเซลล์ บัลลาร์ด จูเนียร์ เกิดที่ซอลท์เลคซิตี้ ยูทาห์ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1928 เป็นบุตรของเมลวิน อาร์. และเยอรัลดีน สมิธ บัลลาร์ด ท่านเรียนรู้จรรยาบรรณในการทำงานแต่เยาว์วัยในชีวิต — ที่ศูนย์ตัวแทนจำหน่ายรถ บิดาของท่านก่อตั้งบัลลาร์ด มอเตอร์ คอมพานี และรัสเซลล์ผู้เยาว์วัยซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวในครอบครัวที่มีบุตรสี่คน ได้ทำงานในทุกแผนกของบริษัทรวมถึงขับรถรอบที่จอดรถมือสองเมื่อท่านเพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยรุ่น

President-M.-Russell-Ballard-
President-M.-Russell-Ballard-
เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดอายุ 1 ขวบในปี 1929© ภาพถ่ายเอื้อเฟื้อโดย เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด
Download Photo

ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นรูปแบบการทำงานที่ช่วยประธานบัลลาร์ดได้ดีในทุกแง่ของชีวิตท่าน “ข้าพเจ้าเรียนรู้ผ่านทางบิดาข้าพเจ้าว่าเมื่อคุณเริ่มบางสิ่งคุณต้องทำให้เสร็จ” ท่านกล่าว “ท้ายที่สุด มันจะทำให้คุณพึงพอใจว่าคุณนั้นชนะและมันให้ผลประโยชน์หรือคุณเรียนรู้ว่ามันใช้ไม่ได้และคุณหนีห่างจากมัน แต่คุณจะไม่มีวันจากมาอย่างสงสัยหากคุณเต็มใจอยู่กับมัน”

เจตคติเรื่องความอดทนเช่นนั้นมีประโยชน์ตลอดชีวิตของท่าน — รวมถึงช่วงเวลาที่ท่านอยู่ในมหาวิทยาลัยยูทาห์ ชีวิตการทำงานของท่านเกี่ยวกับยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการลงทุน รวมทั้งงานมอบหมายศาสนจักรหลายอย่างของท่าน

“ประสบการณ์ด้านธุรกิจของท่านช่วยท่านอย่างยิ่งในการถามคำถามหยั่งเชิงที่ต้องถามเมื่อคุณนำเสนอโปรแกรมหรือเมื่อคุณถามว่า ‘เราใช้แหล่งช่วยนี้อย่างมีประสิทธิภาพไหม?’” ประธานโอ๊คส์กล่าว

ผู้นำศาสนจักรผู้มีสายเลือดของศาสดาพยากรณ์อยู่ในตัว

ประธานบัลลาร์ดมีรูปปั้นครึ่งตัวของผู้นำศาสนจักรที่มีชื่อในห้องทำงานของท่านได้แก่ โจเซฟ สมิธผู้ก่อตั้งศาสนจักรและไฮรัม พี่ชายของท่าน (ปู่เทียดของประธานบัลลาร์ด) รวมทั้งประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ บุตรของไฮรัม ซึ่งเป็นประธานคนที่หกของศาสนจักร มรดกของพวกท่านในการเป็นสานุศิษย์ชาวคริสต์ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงมรณสักขีของโจเซฟและไฮรัมในปี 1844 เป็นแรงบันดาลใจให้กับประธานบัลลาร์ดจนกระทั่งวันที่ท่านสิ้นใจ

“เมื่อข้าพเจ้าได้ตระหนักว่าพวกท่านเป็นใครและข้าพเจ้าเป็นใคร นั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ” ประธานบัลลาร์ดกล่าวในปี 2019 “ข้าพเจ้าตระหนักอยู่เสมอว่าข้าพเจ้ามีหน้าที่โดยอาศัยความจริงที่ว่าข้าพเจ้ามีสายสัมพันธ์ ข้าพเจ้าได้ยินพวกท่านพูดเสมอว่า ‘ทำสิ ทำสิ่งที่คุ้มค่า ไปสิ พ่อหนุ่ม อย่านั่งอยู่เฉยๆ ’ พวกท่านเป็นผู้ลงมือทำ พวกท่านต้องเป็นผู้ลงมือทำ”

ท่านต้องการให้วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคน รวมทั้งลูกๆ ของท่านคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตแห่งศรัทธาที่ผู้นำศาสนจักรยุคแรกได้ดำเนิน ท่านบอกเครก บุตรชายของท่านที่เป็นผู้สอนศาสนาอายุ 19 ปีในตอนนั้นว่า “จำไว้ว่า สายเลือดของศาสดาพยากรณ์หลายท่านไหลอยู่ในตัวลูก”

“ไม่มีอะไรต้องกดดัน” เครกจำได้ว่านึกอย่างนั้น “[พ่อของผม] มองดู [รูปปั้นครึ่งตัวเหล่านั้น] ทุกวันในห้องทำงานของท่าน … และผมคิดว่าท่านรู้สึกว่าท่านต้องทำสุดความสามารถ ท่านปลูกฝังสิ่งนั้นในพวกเราที่เหลือ”

ประธานเนลสันกล่าวว่าการเปลี่ยนใจเลื่อมใส ความมุ่งมั่น และการอุทิศถวาย “อยู่ในสายเลือด [ของประธานบัลลาร์ด] ท่านจินตนาการได้ไหม — เราได้รับเกียรติให้นั่งเคียงข้างบุรุษผู้เป็นลื่อของไฮรัม สมิธ  และโจเซฟ สมิธเป็นน้องชายของเทียดท่าน  ทุกวัน ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ได้รับสิทธิพิเศษในการคบค้าสมาคมกับผู้สืบตระกูลสายตรงของผู้นำที่น่าเคารพยกย่องเหล่านั้น ท่านมีคุณธรรมเดียวกันกับที่ผู้นำเหล่านั้นมี”

ในคําปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญครั้งสุดท้ายของท่านเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2023 ท่านกล่าวถึงท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและบทบาทสําคัญของท่านในการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และพรในนั้น

President-M.-Russell-Ballard
President-M.-Russell-Ballard
ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดเป็นผู้สอนศาสนาในคณะเผยแผ่บริติชตั้งแต่ปี 1948 ถึง ปี 1950© ภาพถ่ายเอื้อเฟื้อโดย เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด
Download Photo

การรับใช้ทางศาสนาของประธานบัลลาร์ดรวมถึงช่วงเวลาของท่านในการเป็นผู้สอนศาสนาหนุ่มในอังกฤษ อธิการ ประธานคณะเผยแผ่แคนาดา โตรอนโต สมาชิกของฝ่ายประธานสาวกเจ็ดสิบและการเป็นอัครสาวกมากกว่าสามทศวรรษ

“ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งนี้เพื่อเงิน” ประธานบัลลาร์ดกล่าว “ท่านไม่อาจใช้เงินจ้างข้าพเจ้าให้ทำสิ่งที่ข้าพเจ้าถูกขอให้ทำในฐานะสมาชิกของโควรัมอัครสาวกสิบสอง แต่สำหรับพระเจ้า นี่เป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ที่มอบให้ชายคนหนึ่งได้ เราเป็นพยานถึงความเป็นจริงของพระชนม์ชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระเจ้าพระเยซูคริสต์”

ประธานบัลลาร์ดรับความรับผิดชอบนี้อย่างจริงจัง ไม่ว่าในฐานะอดีตประธานสภาผู้สอนศาสนาศาสนจักร (ซึ่งรวมถึงงานพัฒนา “สั่งสอนกิตติคุณของเรา” แนวทางสำหรับผู้สอนศาสนาทุกคน) ซึ่งมีผู้สอนศาสนามากกว่า 50,000 คนภายใต้การดูแลของท่าน หรือในฐานะบิดาของบุตรสาวห้าคนและบุตรชายสองคน

พยานพิเศษ บิดาพิเศษ

ประธานบัลลาร์ดกล่าวว่าประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดบางอย่างมาจากการสอนลูกๆ ของท่านเกี่ยวกับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ “คุณเรียนรู้ที่จะคว้าทุกโอกาสในการสอน และหากคุณตื่นตัวและเตรียมพร้อม โอกาสเหล่านั้นจะมา และเมื่อโอกาสอยู่ที่นั่น คงเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับบิดาคนใดๆ ที่พลาดโอกาสที่จะสอนหลักธรรมแก่ลูกๆ ของเขา”

หนึ่งในโอกาสเหล่านั้นเกิดขึ้นในช่วงท้ายทศวรรษที่ 1980 หลังจากประธานบัลลาร์ดเป็นอัครสาวก เครก ลูกชายคนเล็กของท่านยอมรับว่ารู้สึก “ขมขื่นเล็กน้อย” เพราะพ่อของเขามักไม่อยู่บ้านไปทำงานมอบหมาย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแบ่งชายที่เขาเรียกว่า “พ่อ” กับวิสุทธิชนยุคสุดท้ายทั่วโลก “เมื่อผมเป็นเด็ก ผมไม่เข้าใจ” เครกกล่าว โชคดีที่ประธานบัลลาร์ดมองเห็นความเข้าใจผิดนั้น โดยที่รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่จะสอน ประธานบัลลาร์ดนำเครกไปที่งานมอบหมายของศาสนจักรที่ตองกาและซามัว

“เมื่อเราออกจากเครื่องบิน นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมตระหนักว่าคนอื่นมองท่านอย่างไร” เครกกล่าว “หลายคนต้องเดินมาสองวันเพื่อมาและแค่ได้เห็นอัครสาวกแวบเดียว นั่นเป็นเวลาที่เปลี่ยนจากภาระกลายเป็นพรสำหรับผมที่ได้รู้จักคนๆ นี้อย่างใกล้ชิด”

เครกกล่าวว่า นี่เป็นตัวอย่างของพรสวรรค์ของประธานบัลลาร์ดในการไม่เพียง บอก คนเกี่ยวกับบางสิ่งแต่ สอน พวกเขาด้วย

“ท่านไม่ได้พูดแค่ ‘ก็ให้ทนไป’ ท่านรู้ว่าผมจำเป็นต้องเข้าใจ และผมจำเป็นต้องเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเรียกของท่าน” เครกกล่าว “นั่นเป็นประสบการณ์ที่สำคัญยิ่งสำหรับผมที่จะเรียนรู้ และท่านทำแบบนั้นหลายครั้งในวิธีที่พิเศษ ท่านไม่ได้เป็นเพียงพยานพิเศษ — ท่านเป็นบิดาพิเศษ”

ช่วงเวลาแห่งการสอนอีกอย่างเกิดขึ้นหลังจากแทมมี่ ลูกสาววัยเรียนของท่านกำลังเล่นกับเพื่อนในรถที่ไม่รู้ทำไมรถถอยไปชนประตู แทมมี่บอกว่าเธอตะลึงที่ได้รู้ว่ารถที่เธอคิดว่าเป็นของพ่อเธอนั้นจริงๆ แล้วเป็นของคนอื่น ประธานบัลลาร์ดบอกว่าเมื่อท่านกลับถึงบ้านและมองเห็นสีหน้าของลูกสาวท่าน ท่านรู้ว่าเธอกำลังตั้งใจฟังท่าน “ข้าพเจ้าสอนเธอว่าเธอมีค่ามากกว่ารถยนต์คาดิแลกที่เธอชนพังและว่าสิ่งที่เกิดในชีวิตเธอและเธอมีค่าต่อข้าพเจ้าเพียงใดนั้นสำคัญกว่ามาก เราซ่อมรถได้ แต่หากเธอทำบางสิ่งที่ผิดในชีวิตของเธอ นั่นจะซ่อมได้ยากกว่ามาก”

President-M.-Russell-Ballard
President-M.-Russell-Ballard
ประธานบัลลาร์ดกับบาร์บารา ภรรยาของท่าน© ภาพถ่ายเอื้อเฟื้อโดย เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด
Download Photo

“ผู้คนจะจดจำว่าท่านเป็นสามีที่ยอดเยี่ยมและบิดาผู้ประเสริฐ” ประธานเนลสันกล่าว “นี่คือความสำคัญอันดับแรกของท่าน ท่านแสดงแบบอย่างให้กับเราในเรื่องนั้น แม้ว่าท่านมีเรื่องที่ต้องทำมากมายกับเวลาของท่าน ครอบครัวของท่านมาก่อนเสมอ”

ตลอดหลายปี ลูกๆ ของประธานบัลลาร์ดได้พึ่งพาความเข้มแข็งทางวิญญาณของท่าน บาร์บารา ภรรยาผู้ล่วงลับของท่านกล่าวว่า “เมื่อเราอยู่ในแคนาดาเพื่อรับใช้งานเผยแผ่ของเรา ลูกชายตัวเล็กของเราเพิ่งเริ่มเรียนอนุบาลและไม่รู้จักใคร เขากลัว สามีของดิฉันพาเขาเข้าไปในห้องทำงาน คุกเข่ากับเขาและสวดอ้อนวอนขอให้พระบิดาบนสวรรค์ทรงช่วยเขาหาเพื่อน พวกเขาสวดอ้อนวอนด้วยกันแบบนั้นหลายวันติดต่อกัน เขาได้ช่วยลูกๆ หลายคนของเราในวิธีนั้นเมื่อพวกเขามีความต้องการพิเศษ”

ครอบครัวบัลลาร์ดไม่เพียงสวดอ้อนวอนด้วยกันเป็นประจำ แต่เล่นด้วยกันในการพักร้อนเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างผจญภัยด้วย ประธานบัลลาร์ดเล่าถึงการเดินทางไปแคลิฟอร์เนียของพวกเขาในรถบ้านคันแรกของพวกเขาที่ผลิตมาคันแรกๆ “ข้าพเจ้าพาพวกเขาไปไชน่าทาวน์ และทุกคนในซานฟรานซิสโกมองดูรถคันใหญ่นี้และชี้ไปที่มันและหัวเราะเยาะมัน” ท่านกล่าว “ข้าพเจ้าหาที่จอดรถไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงให้ทุกคนลงไปที่ไชน่าทาวน์และขับรถวนไปตามเนินเขาในซานฟรานซิสโกและสุดท้ายก็มารับพวกเขากลับขึ้นรถอีก”

แต่งงานกับ “นางฟ้า” บาร์บารา 

ประธานบัลลาร์ดพูดถึงครอบครัวของท่านโดยไม่ยกย่องบาร์บาราไม่ได้ “เธอเป็นนางฟ้า มันยากมากที่จะอยู่กับคนที่ดีพร้อมไปเกือบทุกอย่าง” ท่านกล่าว พวกท่านพบกันที่ “งานเต้นรำวันสวัสดี” ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ “เธอไม่เพียงสวยเท่านั้นแต่มีบุคลิกที่เปล่งประกาย ข้าพเจ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าข้าพเจ้าต้องการแต่งงานกับเธอ แต่เธอไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกัน เป็นเรื่องยากนิดหน่อยในการเกลี้ยกล่อมเธอ ข้าพเจ้าล้อเธอว่าการทำให้เธอตกลงแต่งงานกับข้าพเจ้าเป็นงานขายที่สำคัญที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยทำ”

ประธานบัลลาร์ดยกย่องบาร์บาราว่าเป็นมารดาที่ยอดเยี่ยมผู้ที่ใช้วิธีแบบสงบเพื่อทำให้ชีวิตในบ้านเป็นเหมือนสวรรค์ยิ่งขึ้น “ลูกๆ ทั้งเจ็ดคนของเรา หากท่านจะนำพวกเขาเข้ามาในนี้และถามพวกเขาว่าเคยได้ยินคุณแม่ของพวกเขาขึ้นเสียงหรือไม่ภายในผนังบ้านของเรา คำตอบของพวกเขาคือ ไม่ เธอไม่เคยทำเช่นนั้น เธอมีนิสัยในการสามารถผ่านวิกฤติในวิธีที่สงบและเงียบเป็นอย่างยิ่ง เธออ่อนหวาน เธอน่ารัก เธอห่วงใย เธอใส่ใจ และลูกๆ ของเธอเคารพรักเธอ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเทียบได้เท่ากับความรู้สึกที่ลูกๆ ของเรารู้สึกต่อมารดาของพวกเขา”

ฮอลลี่ ลูกคนที่สองของพวกท่านเห็นด้วย เธอกล่าวว่าความรักและความเคารพที่บิดามารดาเธอมีต่อกันมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเธอและพี่น้องของเธอในวิธีที่หล่อหลอมชีวิต

“เรารู้สึกว่าสถานที่ดีที่สุดที่จะอยู่คือกลับบ้านและอยู่ที่นั่นในสภาพแวดล้อมนั้นเนื่องจากพ่อแม่ของเราดีต่อกันมาก” เธอกล่าว “ฉันเรียนรู้ว่าฉันจำเป็นต้องปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพ และพวกเขาเก่งมากในการทำเช่นนั้นกับเราที่เป็นลูก”

ประธานโอ๊คส์ ผู้ได้รับเรียกสู่โควรัมอัครสาวกสิบสองหนึ่งปีก่อนเอ็ลเดอร์บัลลาร์ดกล่าวว่าท่าน “ชื่นชมวิธีที่ประธานบัลลาร์ดปฏิบัติต่อบาร์บารา คู่นิรันดร์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงที่เธอและท่านมีอายุมากขึ้น ท่านเป็นสามีที่เป็นแบบอย่าง มีความเห็นอกเห็นใจมาก และอ่อนโยนมาก”

บาร์บาราถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2018 สิริอายุ 86 ปี เธอเผชิญการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพอันยาวนานรวมถึงโรคอัลไซเมอร์ด้วยความสง่างามและอารมณ์ขันอันเป็นลักษณะนิสัยของเธอ

“ข้าพเจ้าสำนึกคุณอย่างยิ่งที่รู้ว่าบาร์บาราสุดที่รักของข้าพเจ้าอยู่ที่ใด และเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งกับครอบครัวเราชั่วนิรันดร์” ประธานบัลลาร์ด กล่าวที่การประชุมใหญ่สามัญ ห้าวันหลังจากการถึงแก่กรรมของบาร์บารา

การปฏิบัติศาสนกิจตัวต่อตัว

ความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของประธานบัลลาร์ดที่มีต่อครอบครัวของท่านเผื่อแผ่ไปถึงบุคคลที่ท่านสอนจากแท่นพูด ระหว่างการปราศรัยที่ การประชุมใหญ่สามัญของศาสนจักรในเดือนเมษายนปี 1980 ท่านเชื้อเชิญวิสุทธิชนยุคสุดท้ายให้ส่งรายชื่อผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือไปให้ท่าน ท่านให้สัญญากลับไปว่าจะเขียนจดหมายให้กำลังใจคนเหล่านั้น จดหมายหลายร้อยฉบับหลั่งไหลมาจากทั่วโลก ในที่สุดประธานบัลลาร์ดเขียนจดหมายให้กำลังใจส่วนตัวมากกว่า 600 ฉบับถึงคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางวิญญาณ ผู้ที่ได้รับคนหนึ่งเขียนว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจดหมายของท่านเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงอันวิเศษนี้ในชีวิตของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าขอบคุณท่านจากก้นบึ้งของใจข้าพเจ้า”

ballard india
ballard india
ประธานเอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด เยี่ยมวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในอินเดียในเดือนพฤษภาคม 20192020 by Intellectual Reserve, Inc. All rights reserved.
Download Photo

“เราต้องเอื้อมออกไปให้ถึงคนนั้น” ประธานบัลลาร์ดกล่าว “เราต้องมองหาทุกหนทางที่เราทำได้เพื่อช่วยกันและกันผ่านการเดินทางของความเป็นมรรตัยนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าลึกๆ แล้วผู้คนเป็นคนดีโดยพื้นฐาน และข้าพเจ้าคิดว่าพวกเขาต้องการรู้ว่าความจริงคืออะไร แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะหามันได้ที่ไหน พวกเขากำลังถามว่า ‘ฉันเป็นใคร? ฉันมาจากไหน ? ทำไมฉันจึงอยู่ที่นี่? ฉันจะไปที่ไหน? ทั้งหมดนี้นำไปสู่อะไร? นี่จะนำฉันไปที่ใด?’”

ประธานบัลลาร์ดจรดปากกาลงบนกระดาษเพื่อตอบคำถามเหล่านั้นในหนังสือ “Our Search for Happiness”  (1993) ซึ่งช่วยในการสอนผู้อื่นเกี่ยวกับศาสนจักรและจุดประสงค์ในชีวิตของพวกเขา ชีวิตในฐานะนักประพันธ์ของประธานบัลลาร์ดยังรวมถึงการเขียน “Counseling with Our Councils” (1997) ที่ใช้โดยผู้นำท้องที่ทั่วศาสนจักรอีกด้วย

ตลอดประสบการณ์ทั้งสิ้นนี้ในฐานะสามี บิดา และอัครสาวก ประธานบัลลาร์ดมองไปที่พระเยซูคริสต์เป็นแรงบันดาลใจและความมั่นใจในทุกสิ่ง ที่จริงแล้ว ท่านมักจะพกรูปขนาดเล็กของพระผู้ช่วยให้รอดไว้ในกระเป๋าเสื้อของท่านเพื่อเป็นกำลังใจในวันที่ยากลำบาก

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านท้อแท้ ท่านจะดึงออกมาและมองไปที่ [ภาพของพระเยซูคริสต์] และคิดว่า ‘ฉันทำสิ่งนี้ได้ ฉันทำอะไรก็ได้เพื่อพระองค์’” ฮอลลี่กล่าว

ประธานบัลลาร์ดได้รู้ว่าพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นสมอในโลกที่ค่านิยมเปลี่ยนแปลง “ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าคนที่มีศรัทธาของพวกเขายึดมั่นอยู่กับการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และพันธกิจของโจเซฟ สมิธและในการเปิดเผยที่มาสู่ศาสนจักรผ่านท่าน ซึ่งยืนยันและประกาศว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและว่าพระกิตติคุณอยู่บนแผ่นดินโลก จะสามารถรับมือกับสิ่งใดก็ตามที่ชีวิตนำมาสู่พวกเขา”

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.