และด้วยเยาวชนหญิงมาจากหลายที่ ยังไม่รู้จักกัน จึงเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะละลายพฤติกรรมให้ทุกคนเป็นกันเองเป็นมิตรกันให้เร็วที่สุด ด้วยเกมสันทนาการ
เล่นกิจกรรมกันมาเหนื่อยแล้วต่อไปก็ต้องทานอาหาร ซึ่งทุกคนจะต้องเรียนรู้ถึงสุขอนามัยก่อนการประกอบอาหาร การติดไฟและการดับไฟ การทำน้ำให้สะอาดหากต้องใช้น้ำในลำธาร โดยเยาวชนจะต้องทำการปรุงอาหารด้วยตัวเอง ค่ายปีนี้เยาวชนหญิงทุกคนได้เรียนรู้การทำอาหารกลางแจ้งโดยใช้เตาถ่าน ทุกกลุ่มจะได้ช่วยกันทำอาหารตามวัตถุดิบที่เตรียมให้ ไม่มีโจทย์ตายตัวว่าจะต้องทำเมนูอะไร พวกเขาต้องช่วยกันคิดเมนู วางแผน แบ่งหน้าที่กัน และทานกันเอง เจ้าหน้าที่ประจำสวนรุกขชาติ(ลุงยุทธ)เป็นพี่เลี้ยงช่วยให้คำแนะนำในการทำอาหารกับเยาวชนของเรา ทุกคนได้ฝึกการทำงานร่วมกันเป็นทีม อย่างจริงจังตลอด 2 ชั่วโมง พวกเขาปรึกษากัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หลังจากมื้อกลางวัน เรามีกิจกรรมเดินป่าทางไกลโดยมีเจ้าหน้าที่ของสวนรุกขชาติเป็นคนนำทาง ระหว่างเดินทางไกลเยาวชนหญิงได้เรียนรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์ต่างๆ เรียนรู้จักการสังเกตุสิ่งต่างๆ ด้วยการเปิด 4 อย่าง คือเปิดใจ เปิดหู เปิดตา และเปิดจมูก ลุงยุทธอธิบายว่าทุกครั้งที่จะเดินป่าต้องเปิดใจก่อนเป็นอันดับแรก หมายถึงเตรียมใจว่ามันจะไม่สุขสบายเหมือนอยู่บ้าน จะร้อน จะเหนื่อย จะลำบาก, ต่อไปต้องเปิดหู คือต้องคอยฟังเสียงสัตว์ป่าที่อาจอยู่ใกล้เรา, สามคือเปิดตาคือสังเกตุทุกสิ่งรอบตัว ต้นไม้ ทางเดิน ใบไม้ ทิศทาง และเปิดจมูก คือต้องดมกลิ่นสาบของสัตว์ป่าระหว่างการเดินทางด้วยตอนกลางคืนเรามีกิจกรรม 3 ฐาน ฐานแรกเป็นกิจกรรมสันทนาการ เล่นเกมต่างๆ เพื่อให้สมาชิกกลุ่มเดียวกันสนิทกันมากขึ้น ทุกคนสนุกกันมากทั้งเยาวชนหญิงและพี่ที่นำเล่นเกม
ฐานที่ต่อมาคือ ให้เยาวชนหญิงรู้จักนกชนิดต่างๆ ในบริเวณค่าย โดยให้พวกเขาอ่านจากแผ่นการ์ด จากนั้นให้ทุกคนช่วยกันทำที่ให้อาหารนกจากไม้ไอติม
ฐานสุดท้ายเป็นฐานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ในตอนจบของฐานนี้ ทุกคนได้แบ่งปันวิธีการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เพื่อนในกลุ่มฟัง
ทั้ง 2 ฐานมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนได้รู้จัก ได้ใกล้ชิด และเห็นคุณค่าของธรรมชาติรอบตัว รวมถึงมีจิตสำนึกรักษาสิ่งแวดล้อม
วันที่สองของค่ายเรา ทุกคนตื่นเช้ารวมตัวกันออกกำลังกายตอนเช้าตั้งแต่ 05:30 น. เป็นเวลา 15 นาที
ช่วงเช้ามีการให้ความรู้เรื่องการปฐมพยาบาล เวลา 8:00 - 10:00 น. หัวข้อที่เยาวชนได้เรียนรู้มีหลายอย่าง อาทิ การได้รับพิษทางปาก การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในกรณีต่าง ๆ การเรียนรู้พิษจากสัตว์ การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ กระดูกหัก
ช่วงต่อมา 10:00 - เที่ยงมีการอบรมการกู้ชีพ เยาวชนหญิงทุกคนได้ฝึกการทำ CPR โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรให้ทุกคนฝึกทำCPR กับหุ่นฝึกช่วยปั๊มหัวใจที่มีเซนเซอร์ เพื่อให้รู้ตำแหน่งและวิธีการกดที่ถูกต้องจริงๆ
ช่วงบ่ายมีเกมให้เยาวชนหญิงเล่น ชื่อเกมว่า “คำไขล่าสมบัติ” เป็นเกมการฝึกใช้เข็มทิศ ทุกคนจะต้องใช้เข็มทิศในการเดินตามเส้นทางคำใบ้ที่ได้ เพื่อตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ เมื่อจบเกมนี้ เราสอนพวกเขาดูเมฆชนิดต่างๆ และให้ทุกกลุ่มสร้างสรรค์บทเพลง บทกลอน หรือผลงานศิลปะที่เกี่ยวกับธรรมชาติมากลุ่มละ 1 อย่าง เยาวชนหญิงกลุ่มหนึ่งชอบกิจกรรมนี้มาก พวกเธอแต่งเพลงเกี่ยวกับธรรมชาติในค่ายอย่างอารมณ์ดีและมีความสุข นี่เป็นท่อนหนึ่งจากบทเพลงนั้น “...ในทุ่งหญ้าก็มีแต่พวกมด ยุง เดินไปก็ไปสะดุดท่อนซุง...อุตส่าห์มาเข้าค่ายทั้งที ปีทั้งปีมันก็มีแค่หนึ่งครั้ง…”
ตอนกลางคืนของวันที่ 2 มีกิจกรรมรอบกองไฟ เยาวชนหญิงร่วมกันแสดงพรสวรรค์ ผ่านการแสดงละคร ทุกกลุ่มแสดงได้ดีมาก การแสดงของพวกเธอสร้างเสียงหัวเราะให้เราทุกคนในค่าย เป็นสีสันที่งดงามในยามค่ำคืนจริงๆและแล้ววันที่ต้องกลับก็มาถึง เยาวชนหญิงทุกคนได้แบ่งปันประสบการณ์ และความรู้สึกที่แต่ละคนได้ในค่ายครั้งนี้ “...ค่ายนี้เป็นค่ายที่ดีมากๆ…”(ตะเกียง, อายุ 18 ปี)
เยาวชนหญิงอีกคนแบ่งปันว่า “...ตอนแรกเพื่อนไม่มาคิดว่าจะต้องอยู่คนเดียว… แต่วันต่อมาทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเรามีเพื่อนเพิ่มเยอะเลย”(อิงฟ้า, อายุ 13 ปี)
พวกเธอหลายคนยังอยากให้ค่ายมีต่อ แต่น่าเสียดายที่ค่ายจบแล้ว ผู้อำนวยการค่าย(เนย)เองก็ใจหาย เธอกล่าวว่า “ฉันเองที่คิดว่าจะต้องจากพวกเธอทุกคน แต่ก็ใจชื้นขึ้นได้เมื่อนึกถึงว่าปีหน้าเราจะได้เจอกันอีก ช่วงเวลาที่ค่ายนี้ ถึงแม้จะไม่นานแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากสำหรับฉันจริงๆ”
- ค่ายเยาวชนหญิงสเตคกรุงเทพ ประเทศไทย
- ค่ายเยาวชนหญิงสเตคกรุงเทพ ประเทศไทย
- ค่ายเยาวชนหญิงสเตคกรุงเทพ ประเทศไทย
1 / 2 |