เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายกับเคธีภรรยาของท่านปฏิบัติศาสนกิจต่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในประเทศไทยช่วงวันที่ 12-13 มกราคม ค.ศ. 2020
- IMG_0257_edited.jpg
- WS_01171_edited.jpg
- P1200921_edited.jpg
- P1200761_edited.jpg
- P1200790_edited.jpg
- 2020_01_13_YSA Meeting-4.jpg
- IMG_3992_edited.jpg
- IMG_4052_edited.jpg
- Elder Andersen and Elder Evans at Bangkok Thailand Temple Site-1_Jan 13, 2020.JPG
- Missionaries with Elder Andersen and Elder Evans_Jan 13, 2020 (3).JPG
1 / 2 |
“ข้าพเจ้าไม่ค่อยมีโอกาสพิเศษมาที่เอเชียเท่าใดนัก” เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นกล่าวขณะแสดงความตื่นเต้นที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนในประเทศไทยซึ่งมีสมาชิกศาสนจักรเพียง 0.03% ของประชากรในประเทศ ครั้งสุดท้ายที่ท่านมาเยือนประเทศไทยคือปี 2013 “ข้าพเจ้าอยากสวมกอดหรือไหว้พวกท่านทุกคน”
สำหรับการมาเยือนกรุงเทพฯ สองวัน เอ็ลเดอร์และซิสเตอร์แอนเดอร์เซ็นร่วมเดินทางมากับประธานภาคเอเชีย, ประธานคณะเผยแผ่ประเทศไทย กรุงเทพฯ, สาวกเจ็ดสิบภาค, และภรรยา – ประธานเดวิด เอฟ. อีแวนส์และซิสเตอร์แมรีย์ อีแวนส์, ประธานทอดด์ เอ็ม. แฮมมอนด์และซิสเตอร์โนเอลล์ แฮมมอนด์, เอ็ลเดอร์วิศิษฐ์ คณาคำและซิสเตอร์สุมามาลย์ คณาคำ
ในวันที่ 26 มกราคม พวกท่านเดินทางไปที่การประชุมใหญ่สเตค จากนั้นไปที่การประชุมให้ข้อคิดทางวิญญาณ และไปที่การสังสรรค์ในครอบครัวเพื่อพูดกับสมาชิกและผู้สอนศาสนาเกี่ยวกับความสำคัญของพระวิหารกรุงเทพ ประเทศไทยซึ่งเริ่มก่อสร้างเกือบหนึ่งปีมาแล้ว
“เป็นปาฏิหาริย์ที่เรามีที่ดินแห่งนี้เพราะเราคงไม่สามารถซื้อที่ตรงนี้ได้ในปัจจุบัน” เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นกล่าว อธิบายเรื่องที่ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ ประธานศาสนจักรช่วงปี 1995-2008 ได้รับการดลใจให้ซื้อที่ดินสร้างพระวิหารเมื่อหลายปีมาแล้วก่อนราคาที่ดินจะพุ่งสูงขึ้น “ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเจ้าทรงทราบว่าพระวิหารของพระองค์จะตั้งอยู่ [ที่นี่]” ท่านเสริม
ท่านกล่าวว่าผู้นำศาสนจักรต้องการให้สมาชิกคนไทยทำงานในพระวิหารกรุงเทพ สิ่งที่สำคัญมากกว่าพระวิหารคือการเตรียมพร้อมทางวิญญาณของวิสุทธิชน
“การสร้างพระวิหารง่ายกว่าการสร้างผู้คนที่มีค่าควรเข้าพระวิหาร” เอ็ลเดอร์อีแวนส์กล่าวย้ำขณะท่านสนับสนุนให้สมาชิกศาสนจักรนำพรพระวิหารไปสู่ชีวิตส่วนตัว
ท่านแนะนำให้บิดามารดาพาบุตรหลานไปยังสถานที่ก่อสร้างพระวิหารปีละสองครั้งเพื่อเป็นการสังสรรค์ในครอบครัว ท่านสนับสนุนให้แต่ละคนนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินและเดินบริเวณรอบๆ สถานที่ก่อสร้างปีละครั้งสองครั้ง และยังกระตุ้นให้สมาชิกผู้อาวุโสถามว่า “ฉันจะเป็นเจ้าหน้าที่ศาสนพิธีพระวิหารได้อย่างไร?”
คำแนะนำของท่านได้รับการสนับสนุนจากเอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทของบิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตรหลานในบ้าน ส่งต่อพระกิตติคุณให้อนุชนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศซึ่งศาสนาคริสต์เป็นชนกลุ่มน้อย
“เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านเชื่อแต่อีกหลายคนไม่เชื่อ?” ท่านถาม “ศรัทธาของท่านไม่สูญเปล่า…ศาสนจักรเติบโตช้าแต่มั่นคงในประเทศไทย เราต้องทำงานให้ดีขึ้นกับเด็กๆ และคนหนุ่มสาวของเรา เราต้องแบ่งปันประจักษ์พยานของเรากับพวกเขา”
ตามที่เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นกล่าว งานเผยแผ่ศาสนามีความสำคัญเทียบเท่ากับการพัฒนาทางวิญญาณส่วนบุคคล เมื่อท่านพูดกับหนุ่มสาวโสด ท่านสนับสนุนให้พวกเขารับใช้งานเผยแผ่เพื่อหาแกะที่หลงหายไปของพระผู้เป็นเจ้า
“ถ้าท่านมีความปรารถนาจะรับใช้พระเจ้า พระองค์จะทรงเตรียมทางให้ท่าน” ท่านกล่าว “ท่านจะไม่มีวันเสียดายที่ทำเช่นนั้น”
“เราต้องทำให้ความเชื่อมั่นในพระเยซูคริสต์ของเราฝังลึกลงไปในกระดูก ในดีเอ็นเอ” ท่านพูดกับผู้สอนศาสนา 120 คนที่รับใช้อยู่ทั่วประเทศไทยและพม่าผู้แบกรับหน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวงของการแบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในประเทศชาวพุทธแห่งนี้
เอ็ลเดอร์อีแวนส์กระตุ้นให้ผู้สอนศาสนาช่วยวิสุทธิชนในท้องที่เตรียมตัวรับใช้งานเผยแผ่
“ถ้าท่านต้องการสร้างความแตกต่างที่นี่ จงหาคนไปกับท่าน แสดงให้พวกเขาเห็นว่าท่านทำงานเผยแผ่ศาสนาอย่างไร และช่วยให้พวกเขารับใช้งานเผยแผ่” ท่านให้คำแนะนำด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง “ให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้เห็นวิสัยทัศน์ของคนที่พวกเขาจะเป็นได้ สิ่งที่พวกเขาจะเป็นได้ และสิ่งที่พวกเขาจะทำได้กับชีวิตวัยหนุ่มสาวของตน”
เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นแสดงความรักความชื่นชมหลายครั้งสำหรับสมาชิกผู้ซื่อสัตย์และผู้สอนศาสนาในประเทศไทย ท่านกล่าวว่าต้องเป็นคนพิเศษจริงๆ ที่จะรับพระเยซูคริสต์ เข้าโบสถ์ และยึดมั่นต่อศรัทธาของตนเองในประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ศาสนาคริสต์มีอยู่แพร่หลาย
“เราเป็นเกลือของแผ่นดินโลกในประเทศไทย” เอ็ลเดอร์แอนเดอร์เซ็นกล่าว “เราเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่เราต้องให้แสงสว่างของเราฉายส่องออกไป”