ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในกรุงเทพ ประเทศไทย ต้อนรับ “นักไวโอลินของอเมริกา” เจนนี โอ๊คส์ เบเคอร์กับแฟมิลีโฟร์ที่มาบรรเลงเพลงให้ข้อคิดทางวิญญาณให้กับสมาชิกตอนค่ำวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 2022
โอ๊คส์ เบเคอร์เป็นนักไวโอลินที่มีชื่อเสียง เธอเป็นศิลปินเดี่ยวที่แสดงมาทั่วโลกและเป็นนักดนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่โดยมี 18 อัลบั้มในชื่อของเธอ เธอเป็นบุตรสาวของประธานดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนจักรด้วย แฟมิลีโฟร์ประกอบด้วยบุตรชายหญิงที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีสี่คนของโอ๊คส์ เบเคอร์
การแสดงให้ข้อคิดทางวิญญาณจัดที่โบสถ์แจ้งวัฒนะของศาสนจักรในนนทบุรี เพราะเป็นงานรวมสเตคครั้งแรกของประเทศไทยตั้งแต่โควิด-19 จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยจำนวนผู้เข้าชมประมาณ 250 คน
การให้ข้อคิดทางวิญญาณครั้งนี้ชื่อว่า “พระผู้ไถ่” เน้นเหตุการณ์สำคัญ 11 เหตุการณ์จากพระชนม์ชีพของพระคริสต์ ครอบคลุมถึงสภาในสวรรค์ การประสูติและบัพติศมาของพระองค์ การตรึงกางเขน การฟื้นคืนพระชนม์ และเวลาของพระองค์ในโลกวิญญาณ แต่ละเหตุการณ์จะฉายคลิปวีดิทัศน์จับใจสั้นๆ ตามด้วยการบรรเลงเพลงสวดที่สอดคล้องกัน
ช่วงท้ายคอนเสิร์ต โอ๊คส์ เบเคอร์เดี่ยวไวโอลินและความสามารถระดับโลกของเธอในการสร้างสรรค์เรื่องราวความรู้สึกด้วยเพลงทำให้ผู้ชมประทับใจมาก คุกคิล เอ. ไดซันสมาชิกศาสนจักรที่ร่วมรับชมกล่าวว่าเพลง “เพราะมาก” และรู้สึก “ดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาดู” เธอกล่าวว่า “ฉันน้ำตาไหลเพราะซาบซึ้งใจมาก”
โอ๊คส์ เบเคอร์แสดงประจักษ์พยานตอนจบคอนเสิร์ตเพื่อเป็นพยานถึงความจริงของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ความกตัญญูต่อพรพระกิตติคุณ และจบด้วยการกล่าวคำพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ประจักษ์พยานที่จริงใจของเธอตามด้วยจุดสำคัญสูงสุดของค่ำคืนนั้น นั่นคือการบรรเลงเพลงสวด “ฉันรู้พระผู้ไถ่ทรงพระชนม์” ซ้ำอีกครั้ง
ต่อจากนั้นเอ็ลเดอร์สุชาติ ไชยชนะ สาวกเจ็ดสิบภาคของประเทศไทย กล่าวขอบคุณครอบครัวด้วยตนเองและมอบของที่ระลึกเป็นชุดการประสูติที่ทำในประเทศไทยให้พวกเขาเพื่อขอบคุณสำหรับการแสดงพิเศษในค่ำคืนนั้น
ความประณีตและความเป็นมืออาชีพของโอ๊คส์ เบเคอร์ประจักษ์ชัดในการแสดงที่ไพเราะและปลุกปลอบใจของพวกเขาทั้งที่เริ่มการแสดงช้ากว่าปกติเพราะเที่ยวบินจากลอนดอนของซาราห์นักเชลโลล่าช้า ขณะรอเข้าห้องที่จัดการแสดง ผู้มารับชมใช้เวลาไปกับการพูดคุยและเอร็ดอร่อยกับอาหารว่างหลากหลายชนิดในค่ำคืนนั้น
ครอบครัวเบเคอร์ยอมให้ผู้ชมที่อยู่รอหลังจบงานได้มีโอกาสถ่ายรูปกับพวกเขา ซึ่งทำให้ผู้ชมมีโอกาสพูดคุย สานสัมพันธ์ และสร้างมิตรภาพอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจจากการให้ข้อคิดทางวิญญาณ สมาชิกที่เข้าชมครุ่นคิดถึงพรพิเศษของการได้เห็นครอบครัวแห่งพันธสัญญาพร้อมกันใจบรรเพลงได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง
โอ๊คส์ เบเคอร์ส่งข้อความขอบคุณผู้จัดคอนเสิร์ตสำหรับ “ความพยายามอันน่าทึ่ง” ของพวกเขาที่ “ทำให้ค่ำคืนนั้นราบรื่น” เธอบอกว่า “ฉันตื่นเต้นมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น … นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แสดงให้วิสุทธิชนในกรุงเทพดูและหวังว่าจะช่วยเพิ่มพูนศรัทธาของพวกเขาในพระเยซูคริสต์!”