ซานดร้า มาร์เทล สตรีชาวอเมริกันกลับมาประเทศไทยด้วยความรักอีกครั้ง หลังจากครั้งแรกในเดือนเมษายน 1974 เธอได้รับการเรียกจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายให้รับใช้เป็นผู้สอนศาสนาที่ประเทศไทย ในเวลานั้นเธอจะสอนภาษาอังกฤษ แบ่งปันพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ และรับใช้ผู้อื่นในทุกที่ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธออายุ 21 ปี เรียนจบระดับอุดมศึกษาด้านการพยาบาล และมีอนาคตที่ดีรอเธออยู่ แต่เธอเลือกรับการเรียกนี้ เธอออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วยตนเอง และเดินทางไปอีกฟากของโลกเพื่อพบกับผู้คนที่เธอไม่เคยรู้จัก แบ่งปันคำสอนของชาวคริสต์ และเสนอความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขาในทุกทางที่เป็นไปได้ ในช่วงสองเดือนของการอบรบภาษาอย่างเข้มข้น เธอได้รับแจ้งว่าเธอและคู่จะเป็นซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาคู่แรกในประเทศไทยของศาสนจักร หน้าที่อันน่าหวั่นเกรงนักรอเธออยู่ข้างหน้า!
เมื่อมาถึงประเทศไทย เธอและคู่ร่วมทำงานกับซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาคนไทยสองคนจากประเทศไทยที่ได้รับการเรียกเช่นกัน สองคนนี้เป็นผู้ที่ช่วยให้เธอรู้จักการเดินทางได้ทั่วกรุงเทพฯ และช่วยสอนภาษาไทยให้เธอ ในช่วง 18 เดือนเธอสอน รับใช้ และเติบโตในประเทศไทย เธอเรียนรู้บทเรียนหลายอย่างในชีวิต เธอเรียนรู้ว่าคนไทยมีผู้นำและแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมจากพระมหากษัตริย์ของพวกเขา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงสอนให้คนไทยเป็นคนดีและมีเมตตาต่อกัน รับใช้และทำงานเพื่อให้ประเทศชาติดีขึ้น และให้ดูแลคนจนและคนขัดสนเสมอ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนเข้าใจคำสอนของพระเยซูคริสต์ได้ง่ายมาก เพราะเหมือนกับคำสอนและหลักธรรมของพระคริสต์มาก คนไทยเป็นคนที่น่ารัก เธอรับใช้ผู้คน รักพวกเขา และเห็นความดีและความสุขในชีวิตของพวกเขา เธอสำนึกคุณที่ได้เห็นคนทั้งครอบครัวเปลี่ยนและเติบโต และรู้สึกว่าได้รับพรที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขา

42 ปีหลังจากนั้น คนในครอบครัวเธอเติบโตและสามีเธอเสียชีวิต เธอตัดสินใจว่าเธอพร้อมจะเป็นผู้สอนศาสนาอีกครั้ง อีกครั้งที่เธอได้รับพรโดยได้รับเกียรติให้รับใช้ในประเทศไทยในฐานะผู้สอนศาสนาเดี่ยวสูงวัยคนแรก (เกษียณจากงานประจำและมารับใช้เต็มเวลาในประเทศไทย) เธอรับใช้เป็นพยาบาลให้แก่ผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวที่กำลังรับใช้ในประเทศไทย เมื่อประธานจอห์นสัน ประธานคณะเผยแผ่ประเทศไทย กรุงเทพ ถามเธอ “คุณยังมีความสุขไหมในการทำงานที่นี่” เธอตอบว่า “ฉันจะไม่มีความสุขได้อย่างไร ดูสิ่งที่เรามีโอกาสได้ทำสิคะ!”
ปัจจุบันมีผู้สอนศาสนาหนุ่มสาวประมาน 220 คนจากทั่วโลกรับใช้ในประเทศไทย และผู้สอนศาสนาสูงอายุอีก 25 คนทำงานด้านมนุษยธรรม รับผิดชอบด้านประชาสัมพันธ์ ประวัติครอบครัว การพึ่งพาตนเอง และด้านอื่นๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเขารับใช้ผู้คนในประเทศไทย
