เรื่องที่เห็นนี้ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก TheChurchNews.com ห้ามสื่ออื่นนำไปใช้
โดย เมแกน แมคเคลลาร์ ข่าวศาสนจักร
ในการให้ข้อคิดทางวิญญาณที่บีวายยู-ไอดาโฮเมื่อวันอังคารที่ 27 เมษายน เอ็ลเดอร์ชี ฮอง (แซม) วอง สาวกเจ็ดสิบเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่แบ่งปันเรื่องราวพระคัมภีร์สามเรื่องเกี่ยวกับศิลาและก้อนหินที่สอนท่านเรื่องหลักธรรมของการวางแผน การเตรียมพร้อม และการอดทน
พี่ชายของเจเร็ด
ในพระคัมภีร์มอรมอน พี่ชายของเจเร็ดต่อเรือตามพระดำรัสแนะนำจากพระเจ้าเพื่อผู้คนของเขาจะข้ามมหาสมุทรไปได้ ระหว่างนั้นเขาพบเรื่องท้าทายสำคัญสองเรื่อง:ต้องมีอากาศและต้องมีแสงสว่าง
ขณะทูลขอการนำทางจากพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงตอบคำถามหนึ่งข้อ แต่หลังจากพี่ชายของเจเร็ดทูลถามข้อที่สอง พระเจ้าทรงพยายาม “ช่วยให้พี่ชายของเจเร็ดพึ่งพาตนเองมากขึ้นในการหาทางออก” และทรงย้อนถามท่านว่า “เจ้าอยากให้เราเตรียมอะไรให้เจ้าเพื่อเจ้าจะมีแสงสว่างเมื่อเจ้าถูกกลืนเข้าไปในห้วงลึกของทะเล?” (อีเธอร์ 2:25)
ทันทีที่หลอมก้อนหินโปร่งแสง 16 ก้อนจากศิลา พี่ชายของเจเร็ด “ร้องทูลพระเจ้าอีก” และทูลขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงสัมผัสก้อนหินด้วยนิ้วพระหัตถ์และเตรียมก้อนหินเหล่านั้นให้ส่องสว่างในความมืด
เอ็ลเดอร์วองเปรียบเทียบเรื่องนี้กับประสบการณ์ของการวางแผนและการทำผังเส้นทางสำหรับอนาคต
“ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาความรู้หรือการตัดสินใจเรื่องอาชีพของท่าน พระเจ้าทรงนำทางท่านได้ พระองค์ทรงสนพระทัยเส้นทางที่ท่านกำลังใช้เดินไปแผ่นดินที่สัญญาไว้เป็นพิเศษ” เอ็ลเดอร์วองสอน “ดังพี่ชายของเจเร็ดทูลขอให้พระเจ้าทรงช่วยให้ก้อนหินส่องสว่าง พระองค์จะไม่ทรงจัดเตรียมแสงสว่างเพื่อส่องในความมืดของความสงสัยให้ท่านด้วยหรือ?”
ดาวิดกับโกลิอัท
เพื่อเตรียมสู้กับโกลิอัท ดาวิดหาก้อนหินเกลี้ยงห้าก้อนใส่ไว้ในย่ามคนเลี้ยงแกะของตน
“การต่อสู้ใช้เวลาไม่นานเพราะดาวิดสามารถสังหารโกลิอัทได้ด้วยก้อนหินเพียงก้อนเดียว” เอ็ลเดอร์วองเล่า “ถ้าดาวิดรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเขาและต้องใช้ก้อนหินเพียงก้อนเดียว ทำไมเขาจะต้องลำบากไปเลือกหาหินเกลี้ยงถึงห้าก้อนด้วย?”
เอ็ลเดอร์วองอธิบายความสำคัญของการเตรียมสำหรับอนาคต
“เราอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถเลือกวิธีเตรียมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ... ท่านกำลังพยายามศึกษาเพื่อเรียนรู้ เพื่อเตรียมตนเองให้พร้อมสำหรับอาชีพในอนาคตที่ไม่แน่นอนและชีวิตในอนาคตที่ไม่เคยประสบมาก่อน” ท่านกล่าว
‘ศิลาแห่งพระผู้ไถ่ของเรา’
ก้อนหินก้อนสุดท้ายที่เอ็ลเดอร์วองกล่าวถึงคือ “เมษบาลผู้ประเสริฐ, และศิลาแห่งอิสราเอล คนที่สร้างอยู่บนศิลานี้จะไม่มีวันตกเลย” (หลักคำสอนและพันธสัญญา50:44)
ในพันธสัญญาใหม่ พระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนเหล่าสาวกของพระองค์โดยใช้เรื่อง “ผู้ที่มีสติปัญญากับคนที่โง่เขลา” (มัทธิว 7:24-27) ชายสองคนนี้กับสถานการณ์ของพวกเขาต่างกันเพียงรากฐานที่พวกเขาสร้างบ้านบนนั้น
“ที่วางรากฐานของเราสำคัญอย่างยิ่ง และมีผลแน่นอนต่อผลลัพธ์ในท้ายที่สุดและในนิรันดร” เอ็ลเดอร์วองกล่าว
เอ็ลเดอร์วองกระตุ้นผู้ฟังให้ “พิจารณาก้อนหิน 22 ก้อนนี้” ขณะวางผังอนาคต: “ก้อนหินสิบหกก้อนของการวางแผนเหมือนพี่ชายของเจเร็ด ก้อนหินห้าก้อนของการเตรียมพร้อมตามที่ดาวิดแสดงให้ และก้อนสำคัญที่สุดคือรากฐานของเรา ศิลาของเรา พระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา”
ระหว่างกล่าวปราศรัย ซิสเตอร์แครอล วอง เธอเป็นพยานถึงพลังอำนาจของการประชุมใหญ่สามัญ “ท่านตระหนักหรือไม่ว่าคำสอนทั้งหมดที่ให้ไว้ในการประชุมทั้งห้าภาคนั้นคือสิ่งดีที่สุดที่เราจะมีสำหรับยุคสมัยของเราได้ โดยเฉพาะชีวิตหกเดือนข้างหน้าของเรา?” เธอถาม
เพียงแค่นั่งฟังตลอดภาคการประชุมและเพียงแค่ “กดไลค์คำคมสวยหรูเหล่านั้นที่หยิบยกจากคำพูดการประชุมใหญ่มาโพสต์บนโซเชียลมีเดีย” เท่านั้นไม่พอ
“ท่านต้องมีแผนจะเรียนรู้คำพูดเหล่านั้นด้วยตัวท่านเองและด้วยเจตนาจะนำสิ่งที่ท่านเรียนรู้มาใช้ในชีวิตท่าน” เธอกล่าว
จากนั้นเธอแบ่งปันแผนการศึกษาการประชุมใหญ่สามัญของเธอเอง ซิสเตอร์วองเริ่มด้วยการใช้เดือนแรกหลังการประชุมใหญ่อ่านคำพูดของทุกคน และในช่วงห้าเดือนต่อจากนั้น เธอศึกษาเดือนละหนึ่งภาคการประชุม
“ดิฉันอ่านและฟังทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเพื่อให้เข้าใจดีขึ้น” เธออธิบาย
เธอแสดงความสำนึกคุณต่อความรักเหมือนพระคริสต์ของผู้นำศาสนจักรและแสดงประจักษ์พยานของเธอว่าท่านเหล่านั้น “ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริงให้เป็นผู้นำทางเราบนเส้นทางกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ที่รักของเราและพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์ พระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา”
Copyright 2021 Deseret News Publishing Company