ข่าวเผยแพร่

ของประทานจากสวรรค์แห่งการเต้นรํา: คณะนักเต้นบอลรูมแห่งมหาวิทยาลัยบีวายยูแสดงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทย

นักศึกษาเต้นรำถ่ายทอดความสุขของการเต้นและชีวิตให้กับผู้คนเกือบ 3,000 คนผ่านกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ เวิร์กช็อป และการแสดงต่างๆ

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2025 แขกผู้มีเกียรติจำนวน 600 คน รวมถึงผู้นำจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ได้มารวมตัวกันที่โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ เพื่อรอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี โอกาสเสด็จฯ ของทั้งสองพระองค์ในครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันพิเศษเพื่อร่วมในงานแสดง แซ่ซ้องทศมสยามินทร์ นาฏศิลป์ไทย - ตะวันตก ซึ่งจัดขึ้นเพื่อถวายพระเกียรติในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 72 พรรษา โดยมีคณะเต้นรำบอลรูมที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากมหาวิทยาลัยบริคัมยังก์ (บีวายยู) ซึ่งเดินทางจากสหรัฐอเมริกามาร่วมแสดงในครั้งนี้

เอ็ลเดอร์เคลลีย์ จอห์นสันจากฝ่ายประธานภาคเอเชียของศาสนจักร รองอธิการบดีสตีฟ ฮาเฟน จากมหาวิทยาลัยบีวายยู ในสังกัดศาสนจักร และภริยา ได้เข้าร่วมคณะต้อนรับ ซึ่งประกอบด้วย ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานคณะที่ปรึกษางาน ดร. พิจิตต รัตตกุล คณะผู้จัดงานและผู้แทนศิษย์เก่าบีวายยู และ ม.ร.ว. เบญจาภา ไกรฤกษ์ ประธานจัดงาน

คุณหญิงไกรฤกษ์ กล่าวว่า “การแสดงของคณะ BYU Ballroom Dance มีความอ่อนช้อยและความสง่างามอย่างยิ่งจนเป็นความสุขที่ได้ชม นักแสดงต้องมีความมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างสูงจึงสามารถเรียนรู้ท่วงท่าที่ซับซ้อนได้อย่างคล่องแคล่ว การแสดงของคณะนี้เป็นความงดงามทั้งต่อสายตาและโสตประสาท นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับองค์กรนี้อีกครั้งเพื่อการกุศล”

งานนี้เป็นการผสานความร่วมมือกันระหว่างมูลนิธิหม่อมเจ้าพิจิตรจิราภา เทวกุลร่วมกับมหาวิทยาลัยบีวายยู และศาสนจักร รายได้จากงานมอบให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาส ผู้อํา คุณหญิงไกรฤกษ์ กล่าวว่า “ดิฉันขอแสดงความซาบซึ้งและความขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับความเคารพที่การแสดงของคณะได้มอบให้แก่ประเทศของเราและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งมีความหมายอย่างมากสำหรับพวกเราและทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจยิ่ง รอยพระสรวลแห่งความชื่นชมจากทั้งสองพระองค์ที่มีต่อการแสดงนั้นเป็นความอิ่มใจและทำให้ทุกสิ่งคุ้มค่ากับความพยายาม”

นวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร คุณสาธิต ไกวัลวรรธนะ กล่าวว่า “โอกาสที่บีวายยูได้แสดงต่อพระพักตร์พระมหากษัตริย์ ไม่เพียงเป็นเกียรติทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่มีความหมายสำหรับศาสนจักร เหตุการณ์สำคัญนี้สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของศาสนจักรในการสร้างสะพานผ่านวัฒนธรรมและการรับใช้ ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ความร่วมมือและความเข้าใจในระดับชุมชนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

การแสดงครั้งสำคัญในชีวิต

ก่อนการแสดง พระบรมวงศ์ทั้งสองพระองค์ได้พระราชทานโอกาสให้คณะเต้นรำถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งนับเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานของที่ระลึกแก่ผู้สนับสนุนงาน รวมถึงเอ็ลเดอร์จอห์นสัน บุคลากรสำคัญของบีวายยู และตัวแทนนักศึกษาในทีมเต้นและทีมเทคนิค ขณะที่โปรแกรมเริ่มต้นด้วยการแสดงนาฏศิลป์ไทยจากโรงเรียนราชินีและโรงเรียนราชินีบนอันทรงเกียรติ นักเต้นชั้นแนวหน้าทั้ง 32 คนของคณะบีวายยูต่างเตรียมตัวเพื่อการแสดงครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต

“ตลอดหลายปีที่ดิฉันพัฒนาทักษะการเต้นของตัวเอง ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เต้นถวายต่อหน้าพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย” ดาร์บี้ โจ ฮาร์ท นักเต้นวัย 21 ปีกล่าว “แต่บางครั้งพระผู้เป็นเจ้าทรงทำงานในวิธีลี้ลับ เราพัฒนาอะไรบางอย่าง แล้วในที่สุดก็ได้รับโอกาสที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน”

byubdcbkk8.jpeg
byubdcbkk8.jpeg
สมาชิกคณะนักเต้นบอลรูมแห่งมหาวิทยาลัยบีวายยู ถ่ายภาพหมู่ระหว่างการเยือนพระวิหารกรุงเทพ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 20252025 by Intellectual Reserve, Inc. All rights reserved.
Download Photo

เช้าวันที่มีการแสดงถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คณะเต้นรำได้ไปเยือนพระวิหารกรุงเทพ ประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร เพื่อใคร่ครวญทางจิตวิญญาณ แม้เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ไม่ถึง 72 ชั่วโมง ประสบการณ์ครั้งนี้ได้ช่วยย้ำเตือนพวกเขาถึงจุดมุ่งหมายอันสูงส่งครั้งนี้ นั่นคือเพื่อออกไปรับใช้ ทั้งต่อพระมหากษัตริย์และประชาชนทั่วไป

ขณะที่โรงละครอักษราเต็มไปด้วยเสียงปรบมือกึกก้องจากการเดินทางร่วมกันผ่านจังหวะแห่งชีวิต ไวแอตต์ เจนนิงส์ วัย 24 ปี รู้สึกว่าทีมของพวกเขาได้ทำภารกิจสำเร็จในค่ำคืนนั้น “ผ่านการเต้นของเรา พวกเราพยายามเป็นตัวแทนของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ มหาวิทยาลัย และให้การเต้นรําของเราเป็นช่องทางที่พระวิญญาณ [ศักดิ์สิทธิ์] สามารถทํางานเพื่อสัมผัสหัวใจผู้คน”

ข่าวในพระราชสำนัก ในวันถัดมารายงานถึงภาพหายากที่เกิดขึ้น เคนนิดี้ แม็คออมเบอร์ วัย 21 ปี ซึ่งได้ร่วมอยู่ในพิธีส่งเสด็จพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า “พระองค์ทรงแย้มพระสรวลตลอดเวลาขณะเสด็จออกจากงาน สำหรับดิฉันแล้ว นั่นคือช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกชัดเจนว่ากลุ่มของเราสามารถสร้างอิทธิพลอย่างยิ่งใหญ่ต่อผู้คนที่หลากหลาย — ทั้งคนทั่วไปที่บังเอิญมาชมการแสดงของเรา หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์ของประเทศไทยด้วย”

สานต่อสายสัมพันธ์ที่ได้สร้างไว้

คณะเต้นรำได้จัดการแสดงเพิ่มเติมอีกสามรอบ โดยรอบแรกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน เพื่อระดมทุนช่วยเหลือสภากาชาดไทย คุณสุนันทา สมบุญธรรม ประธานมูลนิธิเซนต์โยเซฟ ซึ่งร่วมจัดงานระดมทุนกับศาสนจักร โดยเชื่อมั่นในพลังดึงดูดของคณะเต้นรำหลังจากเคยสนับสนุนกลุ่มการแสดงอื่นๆ จากบีวายยู ที่เคยมาเยือนก่อนหน้านี้ การแสดงครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีผู้เข้าชมเกือบ 1,000 คน และได้รับเกียรติจาก ดร. เตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีของประเทศไทย และเลขาธิการสภากาชาดไทย เข้าร่วมงาน

นี่เป็นการทัวร์ประเทศไทยครั้งที่ห้าของคณะ การเดินทางครั้งนี้เปรียบเสมือนการกลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เนื่องด้วยเคิร์ท โฮลแมน ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ รวมถึงผู้ปกครองของนักเต้นบางท่าน เคยร่วมการแสดงในทัวร์ปี 1985 ในฐานะนักศึกษา การเยือนครั้งล่าสุดเมื่อปี 2011 มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ โดยมีการแสดงถวายสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาและเยี่ยมชมมูลนิธิคุณพ่อเรย์ที่พัทยา

การทัวร์ครั้งนี้เริ่มต้นที่หมู่บ้านเด็ก ซึ่งเป็นบ้านพักดูแลเด็กอายุระหว่าง 3 ถึง 18 ปีที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กและเยาวชนจำนวน 65 คนได้มารวมตัวกันและแสดงการร้องเพลงและเต้นรำให้คณะเต้นรำได้รับชม จากนั้นพวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับการแสดงเต้นรำบอลรูม และได้จับคู่กับนักเต้นเพื่อเรียนรู้การเต้นชะชะช่า

ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสในวันถัดมา โฮลแมนกล่าวว่า “เราพาเด็กๆ ขึ้นมาบนฟลอร์และสอนจังหวะพื้นฐานของการเต้นและสิ่งที่เราทำ เราได้รู้จักพวกเขาแบบตัวต่อตัว และหลังจากนั้นทุกคนก็รวมตัวกันและแบ่งปันประสบการณ์ มันเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก... การได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและผู้คนที่แตกต่างนั้น อาจเปลี่ยนชีวิตได้เลยทีเดียว”

โอ๊ต วัย 22 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านแห่งนี้มา 15 ปี กล่าวว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก มันเหมือนความฝันในวัยเด็กของผมเลย ผมไม่เคยมีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้มาก่อน นั่นคือเหตุผลที่ผมมีความสุขมากๆ” จัสติน กูดริช นักเต้นวัย 22 ปีเช่นกัน กล่าวเสริมว่า “ผมเริ่มรู้สึกถึงความสุขที่การเต้นมอบให้ผมก็ตอนที่ผมนำมันไปมอบให้กับคนอื่น พระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพรสวรรค์และของประทานเหล่านี้แก่เราเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง และเมื่อเราใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเป็นพรผู้อื่น มันเป็นความรู้สึกที่เติมเต็มอย่างยิ่งที่ได้รับใช้และนำความสุขไปสู่พวกเขา”

สัมผัสหัวใจและชีวิต

คณะเต้นรำยังได้พบกับเยาวชนจากทั่วโลก ผ่านเวิร์กช็อปกับโรงเรียนนานาชาติกรุงเทพฯ (ไอเอสบี) และกลุ่มเยาวชนจากศาสนจักรในประเทศสิงคโปร์ที่มาเยือน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 430 คน การพาผู้เข้าร่วมที่มีความหลากหลายผ่านจังหวะอันแม่นยำของการเต้นชะชะช่า เป็นโอกาสในการเสริมสร้างคุณค่าในตนเองของแต่ละบุคคล ผ่านภาษาสากลของการเต้นรำ เคลลีย์ ไมล์ส นักเต้นวัย 21 ปี ได้กล่าวถึงความตั้งใจของเธอว่าอยาก “มอบบางสิ่งจากการเต้นของเราและจิตวิญญาณที่มาพร้อมการเต้นรำนั้น และสุดท้ายก็หวังว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าได้รับความรักและรู้ว่าเราห่วงใยพวกเขาจริงๆ”

นาอิกา นักเรียนวัย 16 ปีจากโรงเรียนนานาชาติกรุงเทพฯ (ไอเอสบี) รู้สึกถึงจิตวิญญาณแห่งชุมชนของคณะเต้นรำและกล่าวว่า “ได้รับแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง” เธอกล่าวว่า “แค่ได้ดูพวกเขาเต้น ก็ทำให้ฉันรู้สึกอยากกลับไปเต้นอีกครั้ง เพราะพวกเขามีความหลงใหลในสิ่งที่ทำ เต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก” ครูสอนเต้นของเธอ สเตฟานี เฟล็ทเชอร์ กล่าวเสริมว่า “มีนักเรียนคนหนึ่งเดินออกมาแล้วพูดว่า... เธอรู้สึกพิเศษและได้รับความรักจากนักเต้นของพวกคุณทุกคนจริงๆ”

การแสดงต่อสาธารณชนสองรอบเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ได้ดึงดูดมิตรสหายของศาสนจักร ผู้สอนศาสนา และสมาชิก รวมถึงคุณวรภัทร อนาวรญาณอดีตสมาชิกคณะเต้นรำเมื่อกว่า 40 ปีก่อน และเป็นเพื่อนสนิทของโฮลแมน เขาเดินทางกว่าเจ็ดชั่วโมงเพื่อกลับมาพบกับกลุ่มที่เคยเป็นส่วนหนึ่งในวัยเยาว์ “การมาที่นี่เพื่อสนับสนุนพวกเขาและได้ชมการแสดงที่ดีที่สุด มันคุ้มค่ากับเวลาที่ผมเดินทางมาไกล” เขากล่าว “นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และผมหวังว่าผู้คนจะได้รู้จักศาสนจักรมากขึ้น”

รอยแย้มสรวลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งสะท้อนอยู่บนใบหน้าของคุณอนาวรญาณ ได้โอบล้อมผู้คนที่ได้สร้างสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับคณะเต้นรำปี 2025 ผ่านของประทานจากสวรรค์แห่งการเต้นรำ ประเทศไทย คณะนักเต้นได้เดินทางต่อไปยังกัมพูชา และเวียดนาม ก่อนจะปิดทัวร์ที่พิษณุโลก ประเทศไทย ด้วยการร่วมงานกับมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยตลอดการเดินทางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คณะได้จัดการประชุมให้ข้อคิดทางวิญญาณหนึ่งครั้ง  โครงการบําเพ็ญประโยชน์สามโครงการ เวิร์กช็อปเผยแพร่ความรู้หกครั้ง และการแสดงเก้าครั้งซึ่งสัมผัสใจผู้คนเกือบ 8,000 คน

หมายเหตุแนวทางการเขียน:เมื่อรายงานเกี่ยวกับศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย โปรดใช้ชื่อเต็มของศาสนจักรในการอ้างถึงครั้งแรก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชื่อของศาสนจักร ไปที่ออนไลน์แนวทางการเขียน.